TRL เป็นตัวชี้วัดที่แสดงว่าผู้ให้บริการกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงในการเทรดของตนได้ดีเพียงใด โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยของสองค่า คือ คะแนนความปลอดภัย และคะแนนมูลค่าความเสี่ยง (VaR) คะแนนความน่าเชื่อถือในการเทรดมาจากผลงานและกิจกรรมการเทรดในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และแสดงถึงประวัติความน่าเชื่อถือที่ผ่านมาของผู้ให้บริการกลยุทธ์ นักลงทุนมีแนวโน้มจะลงทุนกับผู้ให้บริการกลยุทธ์ที่มีระดับ TRL สูง

• การดูระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด
  • คะแนนความปลอดภัย
  • คะแนน VaR
• ข้อมูลเกี่ยวกับการให้คะแนนความน่าเชื่อถือในการเทรด
• วิธีคำนวณ TRL
• เกี่ยวกับนัยสำคัญของระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด

การดูระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด:

1. สำหรับผู้ให้บริการกลยุทธ์ โปรดลงชื่อเข้าใช้พื้นที่ส่วนบุคคลของคุณ
2. เปิดแถบระบบคัดลอกการเทรดอัตโนมัติ (Social Trading)
3. ไปยังแถบกลยุทธ์ของคุณ
4. ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดจะแสดงอยู่ใต้ประวัติของคุณ
5. คลิกไอคอน > เพื่อดูรายละเอียดระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด

หมายเหตุ: ข้อมูลของ TRL จะแสดงคะแนนความปลอดภัยและคะแนน VaR รวมทั้งกราฟประวัติระดับความน่าเชื่อถือในการเทรดที่สามารถปรับแต่งได้ คุณสามารถปรับแต่งกราฟประวัติความน่าเชื่อถือในการเทรดได้ตามกรอบเวลา โดยจะมีการคำนวณผลลัพธ์ทุกวัน

คะแนนความปลอดภัย

คะแนนความปลอดภัยแสดงความสามารถของผู้ให้บริการกลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนในกลยุทธ์ เช่น เมื่ออิควิตี้ลดลงมาถึงศูนย์หรือต่ำกว่าระหว่างการเทรด คะแนนที่ยิ่งต่ำหมายความว่าเกิดการปิดคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติในกลยุทธ์นั้นบ่อยขึ้น

คะแนน VaR

คะแนนมูลค่าความเสี่ยง (VaR) แสดงความสามารถของผู้ให้บริการกลยุทธ์ในการจัดการกับอัตราขาดทุนซึ่งเป็นการวัดผลขาดทุนในครั้งเดียวตั้งแต่จุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุด หากคะแนน VaR ยิ่งสูง สัดส่วนเงินทุนที่นักลงทุนอาจสูญเสียในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็จะยิ่งน้อยลง

ข้อมูลเกี่ยวกับการให้คะแนนระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด

ระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด (TRL) จะแสดงเป็นตัวเลขระหว่าง 0 ถึง 100 โดยเป็นการให้คะแนนแก่ผู้ให้บริการกลยุทธ์ตามผลงานการเทรดของแต่ละคน หากระดับยิ่งสูง ผลการเทรดของเทรดเดอร์ก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือ TRL สามารถคำนวณได้หลังจากเปิดคำสั่งซื้อขายครั้งแรกในกลยุทธ์หรือกองทุนไปแล้ว 30 วัน

ระดับต่างๆ มีดังนี้

• 0-40: คะแนนต่ำ
• 41-70: คะแนนปานกลาง
• 71-100: คะแนนสูง

หมายเหตุ: TRL นั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผ่านมาและไม่ใช่การคาดการณ์ถึงผลการเทรดในอนาคต

วิธีคำนวณ TRL

การคิดคะแนนจะพิจารณาจากกลยุทธ์ใน Social Trading รวมถึงกองทุนและกลยุทธ์ในโซลูชั่นการจัดการพอร์ทการลงทุน โดยสรุปแล้ว ระบบจะคำนวณและรวบรวมผลคะแนน VaR และคะแนนความปลอดภัยสำหรับแต่ละบัญชีทุกวัน

ตัวอย่าง เทรดเดอร์รายหนึ่งมี 3 บัญชี

1. อันดับแรก อิควิตี้ของสูงสำหรับแต่ละบัญชีได้รับการลงบันทึกในช่วง 90 วัน

• บัญชีที่ 1 = 6,000
• บัญชีที่ 2 = 150
• บัญชีที่ 3 = 500

รวมอิควิตี้สูงสุด = (6,000+150+500) = 6,650

2. อัตราส่วนอิควิตี้สูงสุดของแต่ละบัญชีเป็นดังนี้

• บัญชีที่ 1 = 6,000/6,650 = 0.9022
• บัญชีที่ 2 = 150/6,650 = 0.022
• บัญชีที่ 3 = 500/6,650 = 0.075

3. ต่อไป เรามาหาค่าคะแนน VaR ประจำวันสำหรับแต่ละบัญชีในแต่ละวันด้วยสูตรด้านล่าง และผลรวมคะแนน VaR ของแต่ละบัญชีในแต่ละวัน

คะแนน VaR ประจำวันของบัญชี = อัตราขาดทุน x อัตราส่วนอิควิตี้สูงสุด

4. สำหรับ Stop Out เราคิดแบบเดียวกันโดยใช้สูตรด้านล่างนี้ และนับผลรวมคะแนน Stop Out สำหรับแต่ละวันเพื่อเอามาคิดเป็นคะแนนความปลอดภัย

คะแนนความปลอดภัยประจำวันของบัญชี = Stop Out x อัตราส่วนอิควิตี้สูงสุด

5. ถัดไป เราได้คอลัมน์ทั้งหมดคิดเป็น 2.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งคะแนน VaR และคะแนนความปลอดภัย

คะแนน VaR = -0.3156

คะแนนความปลอดภัย = -0.097

6. ปกติเราจะคิดคะแนนนี้โดยใช้สูตรนี้

คะแนน VaR = 1 / 0.5 + e^3*คะแนน VaR

คะแนนความปลอดภัย = 1 / 2 + e^3*คะแนนความปลอดภัย

คะแนน VaR = 0.4875

คะแนนความปลอดภัย = 0.8988

7. สุดท้าย เราใช้สูตรด้านล่างนี้คำนวณ TRL

TRL = 0.6 x คะแนน VaR + 0.4 x คะแนนความปลอดภัย

= 0.6 * 0.4875 + 0.4 * 0.8988

= 0.65202

จากนั้นเอาค่าสองตัวแรกหลังจุดทศนิยม ซึ่งก็คือ 65 ดังนั้น TRL ที่แสดงจะเป็น 65/100

หมายเหตุ: คะแนน TRL แสดงถึงความสามารถของผู้ให้บริการกลยุทธ์ในการหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินทุนในกลยุทธ์ทั้งหมด ยิ่งคะแนนสูง ความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเงินทุนทั้งหมดก็จะยิ่งน้อย

เกี่ยวกับนัยสำคัญของระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด

เมื่อผู้ให้บริการกลยุทธ์มีระดับความน่าเชื่อถือในการเทรด (TRL) ผ่านระดับนัยสำคัญ นักลงทุนก็จะสามารถมองเห็นผู้ให้บริการกลยุทธ์รายนั้นได้ โดยระดับสำคัญของ TRL ขึ้นอยู่กับสองปัจจัย

• คะแนนการเทรด: แสดงถึงประสบการณ์การเทรด โดยพิจารณาจากสัดส่วนมาร์จิ้นต่ออิควิตี้ในช่วงระยะเวลาที่มีการเปิดคำสั่งซื้อขายของผู้ให้บริการกลยุทธ์ ซึ่งทุกคำสั่งซื้อขายที่เปิดอยู่มีส่วนทำให้คะแนนการเทรดเพิ่มขึ้น อัตราส่วนมาร์จิ้นต่ออิควิตี้ที่สูงขึ้นและ/หรือระยะเวลาที่นานขึ้นจะยิ่งกระตุ้นให้เมตริกนี้เพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วยเช่นกัน โดยคำนวณดังนี้

การใช้ AUM x ระยะเวลา

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการคำนวณคะแนนการเทรด

1. ระบบทำการลงบันทึกอิควิตี้และมาร์จิ้นหลังจากการเทรดแต่ละครั้ง

2. จากนั้นจะมีการคำนวณผลรวมอิควิตี้และมาร์จิ้นจากทุกบัญชีตามลำดับ
3. ความเสี่ยง (Exposure) คำนวณจากผลรวมมาร์จิ้น/ผลรวมอิควิตี้
4. ส่วนต่างเวลา หมายถึง วินาทีที่ผ่านไปนับจากการเทรดครั้งก่อน
5. คะแนนดิบการเทรดคำนวณโดยใช้ ความเสี่ยง x ส่วนต่างเวลา
6. คะแนนการเทรดคำนวณโดยใช้ผลรวมคะแนนการเทรดสะสมโดยมีค่ามาตรฐานเป็น 12,000*

จากนั้น เราจะปัดเศษไปค่าตัวแรกหลังจุดทศนิยมซึ่งก็คือ 1 และเอาเลขนี้ ดังนั้น คะแนนการเทรดที่ปรากฏจะเป็น 1/10

• วันที่มีการเทรด: แสดงจำนวนวันที่มีกิจกรรมการเทรด

เมื่อผู้ให้บริการกลยุทธ์มีคะแนนการเทรดถึง 10 ในช่วง 10 วันซื้อขาย TRL ก็จะอยู่ในระดับนัยสำคัญ